นโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม

GRI 2-23
GRI 2-24
GRI 3-3

บริษัทฯ ตระหนักดีว่ากระบวนการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำอาจส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของคนในชุมชนและสิ่งแวดล้อม หากไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงได้ประกาศนโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ มุ่งมั่นในการพัฒนาการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิผลและดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มุ่งหน้าสู่ความเป็นเลิศให้เป็นที่ยอมรับของผู้มีส่วนได้เสีย เกิดความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปการอย่างมีประสิทธิภาพ

PTT Group SSHE Management Standards

โครงสร้างการกำกับดูแลด้านการบริหารจัดการด้านคุณภาพ ความมั่นคงปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม

บริษัทฯ บริหารจัดการการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้นโยบายคุณภาพ ความมั่นคงปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม (QSSHE) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการบริหาร โดยการดำเนินงานของหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มั่นใจว่ามีการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพทั่วทั้งกลุ่มบริษัทฯ ทั้งนี้ โครงสร้างการกำกับดูแลด้านการบริหารจัดการด้านคุณภาพ ความมั่นคงปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม รวมถึงบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบสามารถสรุปได้ดังนี้

Board of Directors Management Committee QSHE Aspects Quality Management System Aspects Corporate Social Responsibility Aspects

คณะกรรมการบริษัท

คณะกรรมการบริษัท มีหน้าที่ตรวจสอบและอนุมัติกลยุทธ์ นโยบาย วัตถุประสงค์ แผนปฏิบัติการ และเป้าหมายทางการเงินที่สำคัญของบริษัทฯ เพื่อให้แผนงานดังกล่าวดำเนินการตามทิศทางและกลยุทธ์ที่กำหนด รวมทั้งมีบทบาทในการกำกับดูแลการดำเนินงานด้านคุณภาพ ความมั่นคงปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม (QSSHE) และประเด็นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงด้านความหลากหลายทางชีวภาพและการตัดไม้ทำลายป่า โดยมีการรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการบริษัทในทุกไตรมาส

คณะกรรมการบริหาร

คณะกรรมการบริหารของบริษัทฯ มีหน้าที่ติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามทิศทางและกลยุทธ์ที่กำหนด รวมทั้งบริหารจัดการอุปสรรคและความเสี่ยงที่สำคัญซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหารยังทำหน้าที่ให้ข้อเเสนอแนะต่อประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เพื่อตัดสินใจในประเด็นที่สำคัญและแผนงาน ตลอดจนบริหารระบบงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและกลั่นกรองการบริหารความเสี่ยงของบริษัทฯ รวมทั้งมีบทบาทในการกำกับดูแลและกำหนดทิศทางสำหรับการดำเนินการของคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม (QSSHE) และประเด็นที่เกี่ยวข้องซึ่งจะได้รับการรายงานเป็นประจำทุกเดือน

คุณภาพ ความมั่นคงปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม (QSSHE)

ฝ่ายคุณภาพ ความมั่นคงปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม (QSSHE) มีหน้าที่รับผิดชอบในการพัฒนานโยบาย กลยุทธ์ แนวปฏิบัติ มาตรฐาน ขั้นตอนการปฏิบัติงานและเครื่องมือต่างๆ ตลอดจนติดตามระบบคุณภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพ ความมั่นคงปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม QSSHE รวมทั้งถ่ายทอดและให้คำปรึกษาในการดำเนินงานที่เกี่ยข้องแก่บริษัทฯ และบริษัทในเครือสำหรับการนำแง่มุมและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ QSSHE ไปปฏิบัติ รวมถึงการวางแผน สนับสนุน และให้การสนับสนุน เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทฯ ปฏิบัติตามมาตรฐาน เครื่องมือ กฎหมายและข้อบังคับต่างๆ นอกจากนี้ ฝ่าย QSSHE มีบทบาทในการดำเนินงานหลายด้านของบริษัทฯ เช่น อาชีวอนามัยและความปลอดภัยส่วนบุคคล ความปลอดภัยและความมั่นคงของกระบวนการ การจัดการเหตุฉุกเฉิน การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การเพิ่มคุณภาพ การจัดการสิ่งแวดล้อม และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงเผยแพร่มาตรการเพื่อสร้างความตระหนักรู้ของผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอกองค์กรในประเด็นและผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับ QSSHE

ส่วนบริหารระบบคุณภาพองค์กร

ส่วนบริหารระบบคุณภาพองค์กรมีหน้าที่รับผิดชอบในการพัฒนานโยบาย กลยุทธ์ แนวปฏิบัติ มาตรฐาน ขั้นตอนการทำงานและเครื่องมือต่างๆ ตลอดจนติดตามระบบคุณภาพในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท GPSC เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของ QSHE ที่เกี่ยวข้อง

ส่วนกิจการเพื่อสังคม (CSR)

ส่วนกิจการเพื่อสังคมมีบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสังคม การดำเนินกิจการเพื่อสังคม การบริหารความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่และหน่วยงานภายนอก และรักษาชื่อเสียงที่ดีของบริษัทฯ ตามกลยุทธ์และทิศทางของบริษัทฯ รวมถึงมีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินโครงการด้านความหลากหลายทางชีวภาพและการปลูกป่าในพื้นที่ท้องถิ่นที่บริษัทได้เข้าไปดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทฯ

กลยุทธ์ในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม

บริษัทฯ มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมภายใต้กลยุทธ์ "Innovative & Sustainable Power for All" ที่ประยุกต์หลักการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability Management Framework) และ 3D Principles of Energy Transition อันได้แก่ Decentralization, Decarbonization และ Digitization เป็นกรอบการดำเนินงานเพื่อส่งมอบพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างมีประสิทธิภาพ

แผนผังการจัดการของเสียในองค์กร

GRI 306-1
GRI 306-2

Waste Management

Input กิจกรรม ของเสียที่เกิดขึ้น แนวทางการจัดการ แนวทางการตรวจติดตาม
ถ่านหิน
กระบวนการเผาไหม้เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำ NOx
  • Low NOX burner
  • Selective Catalytic Reduction (SCR)
  • Selective Non-Catalytic Reduction (SNCR)
  • อุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติ (Continuous Emission Monitoring Systems: CEMS)
  • ตรวจวัดแบบ Stack Sampling ทุก 6 เดือน
  • ตรวจวัดคุณภาพอากาศในบริเวณพื้นที่ภายในและภายนอกสถานประกอบการ ตามเกณฑ์กฎหมายกำหนด และตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมทุก 6 เดือน
SOX
  • Limestone Injection, Seawater Flue Gas Desulfurization (SW-FGD)
ฝุ่นละอองและสารปรอท
  • Use Bituminous Coal (Low Impurities), Bag Filter, ESP
  • เถ้าลอย
  • เถ้าหนัก
  • Bag Filter, ESP
  • นำเข้าเป็นวัตถุดิบทดแทนในการผลิตซีเมนต์หรืออิฐมวลเบา
  • ติดตั้งระบบการนำเถ้าหนักมาใช้ใหม่ ซึ่งสามารถลดปริมาณของเถ้าหนักที่เกิดขึ้นได้ถึง 120 ตันต่อปีต่อหน่วยผลิต และลดปริมาณตะกอนทรายสะสมในเตาเผาของหน่วยผลิต CFB1 CFB2 และ CFB3 ได้ถึง 15 ตันต่อเดือนต่อหน่วยผลิต
  • จัดทำบันทึกสรุปปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นและส่งกำจัดโดยหน่วยงานภายนอกเป็นประจำทุกเดือน
  • จัดทำรายงานสรุปปริมาณเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตและขยะอันตรายที่ได้แจ้งขออนุญาตนำออกให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นประจำทุกปี
ก๊าซธรรมชาติ
กระบวนการเผาไหม้เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำ NOx
  • Steam Injection System
  • Low NOx Burner System
  • อุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติ (Continuous Emission Monitoring Systems: CEMS)
  • การตรวจวัดคุณภาพอากาศจากปล่องระบายอากาศ (Stack)
  • ตรวจวัดแบบ Stack Sampling ทุก 6 เดือน
TSP
  • Steam Injection System
  • Low NOx Burner System
น้ำจากผู้จัดหาภายนอก
  • กระบวนการหล่อเย็น
  • กระบวนการผลิตไอน้ำ
  • ระบบผลิตน้ำปราศจากแร่ธาตุ
  • หน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำคอนเดนเสท
  • น้ำทะเลที่ผ่านระบบหล่อเย็นแบบ Once through cooling system
  • น้ำทิ้ง/น้ำเสียจากกระบวนการผลิต
น้ำทะเล
  • ตรวจสอบจุดสูบน้ำทะเลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ในการสูบน้ำทะเลและตะแกรงป้องกันสัตว์น้ำอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันสิ่งมีชีวิตในทะเลที่อาจเล็ดลอดเข้าไปในระบบหล่อเย็น
  • ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดอุณภูมิและคลอรีนคงเหลือของน้ำทะเลหลังผ่านการหล่อเย็น เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เกินค่ามาตรฐานน้ำเสียจากกระบวนการผลิต
  • นำน้ำทิ้งจากระบบรีดตะกอนมาใช้ซ้ำโดยตรง
  • นำน้ำทิ้ง (RO Reject) กลับมาใช้ซ้ำในระบบการผลิตน้ำอุตสาหกรรม
  • นำน้ำจากลานกองถ่านหินและน้ำเสียจากส่วนอื่น ๆ มาบำบัดและรวบรวมไว้ในบ่อพัก ก่อนที่จะนำกลับมาใช้ฉีดพ่นลานกองถ่านหิน เพื่อกำจัดฝุ่นละอองของถ่านหินต่อไป
  • ส่งบำบัดที่ส่วนกลางของการนิคม
  • บำบัดให้มีค่ามาตรฐานผ่านเกณฑ์และปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
  • ตรวจสอบอุณหภูมิและคลอรีนคงเหลือของน้ำทะเลในระบบหล่อเย็นก่อนที่จะปล่อยกลับลงสู่ทะเล โดยบริษัทฯ ได้ติดตั้งอุปกรณ์วัดอุณหภูมิและคลอรีนคงเหลือของน้ำทะเลซึ่งจะทำงานอย่างต่อเนื่องและมีการแสดงค่าในห้องควบคุมของโรงไฟฟ้าตลอดเวลา รวมทั้งศึกษาโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชีวภาพทางทะเลร่วมกับกลุ่มประมงและนักวิชาการในพื้นที่
  • ตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งและน้ำทะเลเป็นประจำทุกเดือนตามมาตรการที่ระบุในรายงาน EIA และ EHIA
น้ำจากแหล่งธรรมชาติ เช่น น้ำทะเล
(สำหรับกระบวนการหล่อเย็น และกระบวนการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล กรณีเกิดภาวะวิกฤติน้ำแล้ง)
น้ำมันหล่อลื่น
กระบวนการซ่อมบำรุงเครื่องจักร น้ำมันหล่อลื่นใช้แล้ว เช่น น้ำมันเครื่อง และน้ำมันเกียร์
  • จัดทำบันทึกสรุปปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นและส่งกำจัดโดยหน่วยงานภายนอกเป็นประจำทุกเดือน
  • จัดทำรายงานสรุปปริมาณเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตและขยะอันตรายที่ได้แจ้งขออนุญาตนำออกให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นประจำทุกปี
  • จัดทำบันทึกสรุปปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นและส่งกำจัดโดยหน่วยงานภายนอกเป็นประจำทุกเดือน
  • จัดทำรายงานสรุปปริมาณเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตและขยะอันตรายที่ได้แจ้งขออนุญาตนำออกให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นประจำทุกปี
สารเคมี เช่น สารชะล้าง เรซิน สารไฮโปคลอไรต์ และอื่นๆ
กระบวนการซ่อมบำรุงเครื่องจักรและบำบัดมลพิษ สารเคมีใช้แล้วและน้ำเสีย ภาชนะปนเปื้อน
  • จัดทำข้อตกลงกับบริษัทผู้จัดจำหน่ายเพื่อนำกลับไปใช้ซ้ำและรีไซเคิล
  • ส่งน้ำเสียบำบัดที่ส่วนกลางของการนิคมฯ
  • บำบัดน้ำเสียให้มีค่ามาตรฐานผ่านเกณฑ์และปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
  • ส่งให้หน่วยงานที่ได้รับมอบอำนาจจากภาครัฐในการกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสมต่อไป

แนวทางการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม

GRI 306-1
GRI 306-2

บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีที่ปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตและพัฒนาแผนดำเนินงาน เพื่อลดปริมาณการปล่อยมลพิษทางอากาศอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ เช่น ไนโตรเจนออกไซด์ (Nitrogen Oxides: NOx) ก๊าซซัลเฟอร์ออกไซด์ (Sulfur Oxides: SOx) และฝุ่นละอองรวม (Total Suspended Particles: TSP) และมุ่งเน้นในการควบคุม เฝ้าระวังและตรวจติดตามปริมาณมลพิษทางอากาศจากแหล่งกำเนิดตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) และรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อ ทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง (Environmental and Health Impact Assessment: EHIA) อย่างเคร่งครัดผ่านแนวปฏิบัติในจัดการ ดังนี้

  • การนำเทคโนโลยีเตาเผาชนิดที่ปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ในระดับต่ำ (Low NOx Burner) เพื่อลดการเกิดก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจนจากห้องเผาไหม้ของทั้งเครื่องกังหันก๊าซ (Gas Turbine) และหม้อต้มไอน้ำแบบ Pulverized Coal-Fired Boiler
  • สำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินของบริษัทฯ มีการจัดหาถ่านหินบิทูมินัสคุณภาพดีที่มีกำมะถันเจือปนต่ำกว่าร้อยละ 1 และใช้เทคโนโลยีการฉีดพ่นหินปูนเพื่อกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ออกไซด์ในการเผาไหม้ถ่านหินในหม้อต้มไอน้ำแบบ Circulating Fluidized Bed (CFB) และติดตั้งระบบกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ออกไซด์โดยใช้น้ำทะเล (Seawater Flue Gas Desulfurization System: FGD) กับหม้อไอน้ำแบบ Pulverized Coal-fired Boiler
  • ติดตั้งระบบดักจับฝุ่นละออง (TSP) โดยเครื่องดักจับฝุ่นชนิดถุงกรองฝุ่น (Bag Filter) และระบบกำจัดสิ่งเจือปน เช่น สารปรอท
  • โรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะแบบอาร์ดีเอฟ (Refuse Derived Fuel: RDF) เฝ้าระวังและตรวจสอบปริมาณการปล่อยมลพิษทางอากาศโดยติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติ (Continuous Emission Monitoring Systems: CEMs) บริเวณปล่องระบายอากาศ และแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบ Real-time บนป้ายซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงไฟฟ้า
  • ดำเนินการตรวจวัดคุณภาพอากาศผ่านมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมทุก 6 เดือน โดยหน่วยงานกลางที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
  • สร้างแนวกันชนต้นไม้บริเวณพื้นที่โดยรอบสถานประกอบการ เพื่อลดการแพร่กระจายของมลพิษทางอากาศสู่ภายนอก

นอกจากการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ ที่กำหนดไว้ในรายงาน EIA และ EHIA แล้ว บริษัทฯ ยังได้นำมาตรฐานสากลมาใช้ในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมด้วย

GRI 306-1
GRI 306-2

บริษัทฯ มุ่งมั่นในการลดปริมาณของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตให้เหลือน้อยที่สุด เนื่องจากเป็นการแสดงถึงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต
ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดค่าใช้จ่ายในการบำบัดของเสีย ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงยึดมั่นในการปฏิบัติตามหลัก 3Rs (Reduce, Reuse and Recycle) ตั้งแต่ต้นทางโดยการลดของเสียจากแหล่งกำเนิดของของเสียต่างๆ ให้เหลือน้อยที่สุด และเมื่อเกิดของเสียขึ้น บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการนำของเสียกลับไปใช้ซ้ำหรือใช้ประโยชน์ใหม่ให้ได้ทั้งหมด ส่งผลให้ลดปริมาณการฝังกลบของเสียอย่างต่อเนื่องและสามารถบรรลุเป้าหมายในการลดปริมาณของเสียที่นำไปฝังกลบเหลือศูนย์ได้ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ปัจจุบันของเสียที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต ซ่อมบำรุง และกิจกรรมอื่นๆ มีกระบวนการจัดการที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นแก่สิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ควบคุม ตรวจสอบ และเฝ้าระวังการจัดการของเสียของโรงงานไฟฟ้าทุกแห่งอย่างสม่ำเสมอตามขั้นตอน ตั้งแต่การรวบรวม จัดเก็บ และขนส่งกากของเสียที่เกิดจากการดำเนินกิจกรรมของบริษัทฯ ตามระเบียบปฏิบัติด้านการจัดการกากของเสียอุตสาหกรรม เพื่อนำไปบำบัดและกำจัดตามระเบียบที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้สร้างความตระหนักเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้กับผู้รับเหมา คู่ค้า และลูกค้า โดยได้กำหนด "กระบวนการจัดการกากของเสียอุตสาหกรรม" และนำไปปฏิบัติกับโรงไฟฟ้าทุกแห่งของบริษัทฯ โดยเราได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะมีการขนส่งกากของเสียทุกประเภทและวัสดุที่ไม่ใช้แล้วออกจากพื้นที่ของบริษัท และมีกระบวนการในการประเมินและอนุมัติการกำจัดกากของเสีย ทั้งที่มีพิษและไม่มีพิษให้กับบริษัทผูรับกำจัดกากของเสียก่อนออกจากโรงงานทุกครั้ง

รวมทั้งปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงอุตสาหกรรมภายใต้พระราชบัญญัติโรงงานและพระราชบัญญัติวัตถุอันตรายในการบริหารจัดการสิ่งปฏิกูล วัสดุไม่ใช้แล้ว รวมถึงของเสียอันตรายของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต อีกทั้งยังตรวจติดตามของเสียที่ส่งกำจัด โดยผู้รับกำจัดภายนอกที่ได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมผ่านเอกสารการกำกับการขนส่งของเสียอันตราย รวมถึงจัดทำรายงานสรุปตามแบบ สก.3 เพื่อรายงานสรุปปริมาณของเสียที่บริษัทฯ ส่งกำจัดทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่าของเสียได้รับการจัดการตามที่บริษัทฯ กำหนดและสอดคล้องกับกฎหมายอย่างเคร่งครัด

GRI 303-1
GRI 303-2
การบริหารจัดการน้ำภายนอก

บริหารจัดการน้ำภายนอกโดยการเข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะทำงานบริหารจัดการน้ำกลุ่ม ปตท. การประชุมคณะทำงานบริหารจัดการน้ำกลุ่ม ปตท. มีเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งการประชุมครอบคลุมถึงการรายงานสถานการณ์น้ำที่ได้จากการสำรวจและวิเคราะห์ด้วยแบบจำลองสถานการณ์น้ำ เพื่อกำหนดแผนการบริหารจัดการน้ำ แนวทางการติดตาม เป้าหมาย การลดความเสี่ยงและผลกระทบจากการใช้น้ำสำหรับทุกพื้นที่การดำเนินงาน จากนั้นจึงสื่อสารต่อไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบให้รับทราบอย่างทั่วถึงและดำเนินการตามแผนงานที่ได้ตั้งไว้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ คณะทำงานบริหารจัดการน้ำกลุ่ม ปตท. ยังได้มีส่วนร่วมกันกับคณะทำงานการบริหารจัดการน้ำของภาคตะวันออกของจังหวัดระยอง ที่ประกอบด้วย หน่วยงานราชการ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) (East Water) และผู้แทนจากภาคเอกชน ในการดำเนินงานเพื่อติดตาม ประเมิน วิเคราะห์สถานการณ์น้ำ และกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบได้อย่างทันท่วงที

บริษัทฯ ติดตามการใช้น้ำภายในและภายนอกองค์กรอย่างเป็นระบบ มีการประเมินคุณภาพน้ำทิ้งอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าคุณภาพของน้ำที่ระบายออกจากการปฏิบัติงานนั้นปลอดภัยสำหรับชุมชนท้องถิ่นและเป็นไปตามมาตรฐานทางกฎหมายที่กำหนด นอกจากนี้ บริษัทฯ ร่วมกับทีมบริหารจัดการน้ำของกลุ่ม ปตท. จัดการประชุมประจำเดือนเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในท้องถิ่น และกำหนดแผนการจัดการและติดตามน้ำ โดยอ้างอิงจากการสำรวจ การวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ และรายงานเกี่ยวกับน้ำ สำหรับการติดตามภายนอก บริษัทฯ ร่วมกับทีมบริหารจัดการน้ำของกลุ่ม ปตท. และทีมบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกในจังหวัดระยอง จัดประชุมประจำเดือนเพื่อติดตาม ประเมิน และวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในปัจจุบัน (เช่น ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำ การขาดแคลนน้ำ และสถานการณ์ภัยแล้ง) เพื่อกำหนดแผนการจัดการน้ำและติดตามและกำหนดมาตรการบรรเทาความเสี่ยงอย่างทันท่วงที ตัวอย่างเช่น บริษัทฯ ได้ตรวจวัดปริมาณน้ำที่มีอยู่ในอ่างเก็บน้ำดอกกราย หนองปลาไหล และคลองใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลัก 3 แห่งสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมที่ผู้จัดหาน้ำของบริษัทฯ ได้รับน้ำจากการจัดสรรโควตาจากกรมชลประทาน จากนั้นนำปริมาณน้ำของแหล่งน้ำทั้งสามแห่งมาใช้ทำนายความพร้อมใช้ในอนาคตในแต่ละสถานการณ์ที่แตกต่างกัน พร้อมทั้งจัดทำแผนการจัดการน้ำตามผลการคาดการณ์ อีกทั้งบริษัทฯ มีการประมาณการผลกระทบด้านการเงิน การดำเนินงาน และชุมชน โดยวิเคราะห์จากสถานการณ์ที่แตกต่างกันคือความขัดแย้ง ความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้น และไม่มีความขัดแย้ง ส่งผลให้กำไรสุทธิแตกต่างกันตามอัตราที่แตกต่างตามสถานการณ์

การบริหารจัดการน้ำภายใน

บริษัทฯ แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการบริหารจัดการน้ำภายในบริษัทฯ เพื่อให้เกิดใช้น้ำร่วมกันกับชุมชนอย่างคุ้มค่าที่สุด โดยได้ปฏิบัติตามแนวทางหลัก 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle) ในการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการน้ำภายในอย่างมีประสิทธิภาพ แนวทางที่บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามหลัก 3Rs เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำภายใน ได้แก่ การลดปริมาณการใช้น้ำในกระบวนการผลิตไฟฟ้า การนำน้ำทิ้งจากระบบทำความเย็นมาใช้ในการหล่อเย็นน้ำทิ้งจากหม้อน้ำ และการนำน้ำคอนเดนเสทกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตไอน้ำ รวมถึงมีการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการใช้เทคโนโลยีบำบัดน้ำเสีย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดำเนินการตรวจสอบคุณภาพน้ำที่ระบายออกสู่สิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพที่ออกจากการปฏิบัติงานของบริษัทฯ มีความปลอดภัยต่อชุมชนและสอดคล้องกับมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด

บริษัทฯ ไม่ได้รับน้ำจากแหล่งน้ำสาธารณะโดยตรงจึงไม่มีแหล่งน้ำที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีการตรวจติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำรอบพื้นที่การดำเนินงานอย่างใกล้ชิดทุกพื้นที่การดำเนินงาน นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการดำเนินการตรวจสอบคุณภาพน้ำก่อนการระบายออกสู่ระบบบบัดน้ำเสียส่วนกลางของการนิคมฯ หรือแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพน้ำทิ้งที่ออกจากกระบวนการผลิตเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายและตามที่หน่วยงานท้องถิ่นกำหนด ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าคุณภาพน้ำทิ้งมีค่าตรวจวัดดีกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ทุกโครงการ สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มีการใช้น้ำเพื่อทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์จากฝุ่นละอองที่มาเกาะบนพื้นผิวของแผงฯ โดยน้ำที่ผ่านการใช้งานแล้วไม่ปรากฏการปนเปื้อนสารเคมีจะถูกปล่อยลงสู่พื้นดิน

บริษัทฯ ติดตามการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบน้ำในท้องถิ่นโดยร่วมมือกับกลุ่ม ปตท. ในฐานะสมาชิกในทีมบริหารจัดการน้ำกลุ่ม ปตท. ทีมงานดังกล่าวมีหน้าที่ติดตามและตรวจสอบความพร้อมของน้ำ (เช่น ปัญหาการขาดแคลนน้ำและภัยแล้ง) ในพื้นที่ปฏิบัติการตลอดจนการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและอัตราภาษีศุลกากรในระดับท้องถิ่น บริษัทฯ เข้าร่วมการประชุมกับ Water War Room จังหวัดระยองและสภาอุตสาหกรรม ซึ่งติดตามปัญหาการจัดการน้ำรวมถึงการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับน้ำฉบับล่าสุดคือ พ.ร.บ. ทรัพยากรน้ำ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัตินี้กำหนดให้การจัดการทรัพยากรน้ำ การจัดสรรน้ำ การป้องกันและบรรเทาอุทกภัย การอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรน้ำ ความรับผิดทางแพ่ง และหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ทำการวิเคราะห์สถานการณ์โดยมีผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบหรืออัตราภาษีที่มีต่อการดำเนินงานในระดับท้องถิ่น บริษัทฯ กำหนดว่าการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ด้านอัตราค่าน้ำประปาและมาตรฐานน้ำทิ้งอาจส่งผลให้บริษัทฯ มีต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้นทุนน้ำต่อหน่วยการผลิตค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับราคาสินค้า ดังนั้นราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดดังกล่าวมากนัก

การบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันความเสี่ยงในพื้นที่น้ำตึงเครียด (Water Stress Area)

บริษัทฯ มีการใช้เครื่องมือ Aqueduct Water Risk Atlas ของหน่วยงาน World Resources Institute หรือ WRI เพื่อระบุพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำ (Water Stress Area) และกำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำภายนอกทุกพื้นที่การดำเนินการ และมีการประเมินความเสี่ยงในพื้นที่น้ำตึงเครียดในทุกพื้นที่การดำเนินงาน โดยพบว่า พื้นที่ดำเนินงานที่มีการใช้น้ำ ไม่ตั้งอยู่ในพื้นที่น้ำตึงเครียดในระดับสูง (High level) ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงและความขัดแย้งในการใช้น้ำในระดับท้องถิ่น

บริษัทฯ ดำเนินการติดตามความขัดแย้งของผู้มีส่วนได้เสียที่มีอยู่อย่างเป็นระบบ ผ่านผู้จำหน่ายน้ำ (East Water) และนิคมอุตสาหกรรม สำหรับสถานการณ์บริษัทฯ หน่วยงานกรมชลประทานมีหน้าที่ในการจัดสรรและจัดลำดับความสำคัญของโควตาน้ำประปาให้กับภาคเกษตร ชุมชน และอุตสาหกรรมตามลำดับ ดังนั้น บริษัทฯ จึงใช้น้ำตามโควต้าที่มีอยู่ที่จัดสรรให้กับภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังติดตามความขัดแย้งของผู้มีส่วนได้เสียในท้องถิ่นอย่างเป็นระบบผ่านการประชุมไตรภาคี การสำรวจทัศนคติและความพึงพอใจของชุมชน และการเยี่ยมเยียนชุมชน โดยในปี 2565 บริษัทฯ ไม่มีการร้องทุกข์เกี่ยวกับความขัดแย้งของผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับการใช้น้ำ พร้อมทั้งทีมบริหารจัดการน้ำบริษัทฯ ได้ประเมินระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและภัยแล้งอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำและความขัดแย้งของผู้มีส่วนได้เสียในชุมชนท้องถิ่น

บริษัทฯ ประมาณการความขัดแย้งของผู้มีส่วนได้เสียที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยดำเนินการขัดแย้งกับผู้มีส่วนได้เสีย (ชุมชนท้องถิ่น) เกี่ยวกับการใช้น้ำ ความขัดแย้งของผู้มีส่วนได้เสียที่อาจเกิดขึ้นได้รับการวิเคราะห์ตามสถานการณ์ที่แตกต่างกันสามสถานการณ์ ("ความขัดแย้ง" "ความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น" และ "ไม่มีความขัดแย้ง") จากการประเมินพบว่าไม่มีความขัดแย้งของผู้มีส่วนได้เสียในชุมชนท้องถิ่น จากการตรวจสอบข้อมูลในอดีต ยังไม่มีความขัดแย้งของผู้มีส่วนได้เสียในชุมชนท้องถิ่นในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ปัญหาการขาดแคลนน้ำในปี 2548, 2558 และ 2563 ซึ่งบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการได้โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียในท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ความร่วมมืออย่างเข้มแข็งกับเครือข่ายแหล่งน้ำภายนอก ได้แก่ กลุ่ม ปตท. และทีมบริหารจัดการน้ำภายนอก ถือเป็นหัวใจสำคัญในการจัดการการจัดสรรทรัพยากรน้ำให้กับผู้ใช้น้ำ ตลอดจนการดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบต่างๆ เพื่อป้องกันความขัดแย้งของผู้มีส่วนได้เสียในอนาคตผ่านแผนการจัดการน้ำและโปรแกรมชุมชน บริษัทฯ ดำเนินการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังกับผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ โดยพิจารณาจากระดับความสนใจ/อิทธิพลของผู้มีส่วนได้เสียและให้การมีส่วนร่วมบริษัทฯ สร้างการส่วนร่วมอย่างจริงจังกับผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ เช่น เทศบาล หน่วยงานท้องถิ่น องค์กรพัฒนาเอกชน สื่อ และชุมชนท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น สำหรับชุมชนที่ได้รับผลกระทบสูง บริษัทฯ จะดำเนินการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อรับข้อกังวลและข้อเสนอแนะอย่างสม่ำเสมอ และมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นอย่างครอบคลุม เพื่อตอบสนองความต้องการและข้อกังวลของพวกเขา รวมถึงร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานท้องถิ่นและติดตามปริมาณน้ำที่ใช้ได้บ่อยขึ้น บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการบริหารจัดการลุ่มน้ำแบบบูรณาการในสถานที่ที่มีการดำเนินงานที่สำคัญ ภายใต้โครงการ "สร้างฝายชะลอน้ำ" ซึ่งดำเนินมาเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูแหล่งน้ำ ปรับปรุงคุณภาพการจัดการลุ่มน้ำและระบบนิเวศในพื้นที่ป่าชุมชน ผลลัพธ์ของโครงการทำให้สามารถเพิ่มเวลาการกักเก็บความเร็วของน้ำในแหล่งน้ำได้ เช่นเดียวกับการอนุรักษ์ดิน การปรับปรุงความสมบูรณ์ของดิน ฯลฯ กรณีวิกฤตน้ำแล้ง บริษัทฯ จะจัดหาน้ำรีเวิร์สออสโมซิส (Sea RO water) ให้กับชุมชนในท้องถิ่นเพื่อเป็นทรัพยากรน้ำทดแทน นอกจากนี้ ยังกำหนดแนวทางการมีส่วนร่วมในอนาคตซึ่งอาจมีศักยภาพในการจัดการข้อกังวลของผู้มีส่วนได้เสียอย่างมีกลยุทธ์

บริษัทฯ บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมตามนโยบายคุณภาพ ความมั่นคง อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งยังตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน บริษัทฯ กำหนดทิศทางในการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมทุกหน่วยงานตลอดห่วงโซ่คุณค่าและทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ช่วงการวางแผน
การออกแบบ และดำเนินการ ตลอดจนสิ้นสุดโครงการ โดยบริษัทฯ มีแนวทางในการดำเนินการดังต่อไปนี้

1.
2.
3.
4.
5.
6.

1. การตรวจสอบผลการดำเนินงานโดยหน่วยงานให้การรับรองมาตรฐานสากล

2. ความเป็นเลิศในการประสิทธิภาพเชิงนิเวศที่ได้รับการรับรองโดยโครงการโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
(Eco Factory)

จีพีเอสซีตระหนักถึงการประกอบกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นในการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตและการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอกองค์กร ตลอดห่วงโซ่คุณค่าอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน จากความมุ่งมั่นที่เป็นรูปธรรมนี้ ส่งผลให้สถานประกอบการหลักทั้งหมดของจีพีเอสซีได้รับการรับรองโครงการโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
(Eco Factory) จากสถาบันสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

3. มาตรการป้องกันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA)

สถานประกอบการและโครงการในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ มีรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ
สิ่งแวดล้อมก่อนเริ่มดำเนินโครงการตามกฎหมายกำหนด ซึ่งการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นการใช้หลักการทางวิชาการในการคาดการณ์ผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ จากโครงการที่อาจจะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความมั่นใจว่าผลกระทบต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากโครงการนั้น ได้ถูกนำมาพิจารณาอย่างรอบคอบตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนและการตัดสินใจในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการ อีกทั้บริษัทฯ มีการดำเนินมาตรการป้องกันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ระบุเพิ่มเติมในรายงานการวิเคราะห์
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปพร้อมกันให้เกิดการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเนื้อหาในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมครอบคลุมถึงการติดตามตรวจสอบคุณภาพ
สิ่งแวดล้อม เช่น คุณภาพอากาศ ระดับเสียง คุณภาพน้ำ และอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานของพนักงาน เป็นต้น

รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ สามารถสืบค้นได้ที่

4. การสื่อสารประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ

บริษัทฯ ดำเนินการสื่อสารประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมกับผู้มีส่วนได้เสียอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับคู่มือในการสื่อสารด้านคุณภาพ ความมั่นคง ปลอดภัย
อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ

5. การควบคุมคุณภาพทางสิ่งแวดล้อม

การติดตามและสอบสวน การกระทำหรือสภาพการณ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน เหตุการณ์เกือบเกิดอุบัติเหตุ อุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ผิดปกติของบริษัทฯ มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบโดยมีแนวทางการจัดการตั้งแต่การรับเรื่องสถานการณ์หรือเหตุการณ์ การระบุหาสาเหตุหรือ
ข้อบกพร่อง การจัดทำแผนในการแก้ไข และการติดตามอย่างต่อเนื่อง

6. การสร้างวัฒนธรรมการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม

บริษัทฯ มีการดำเนินการด้านการสร้างวัฒนธรรมการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความตระหนักและมีการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมตามแนวทางที่บริษัทฯ กำหนดอย่างเคร่งครัด โดยแบ่งปันข้อมูลหรือการถอดบทเรียนด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเป็นประจำในที่ประชุมระดับหัวหน้างานของแต่ละโรงงาน และสื่อสารประเด็นด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมภายในองค์กรให้แก่ผ่านระบบ Intranet และป้ายประชาสัมพันธ์ต่างๆ ภายในสถานประกอบการ

ผลการดำเนินงาน ปี 2565

ผลการดำเนินงาน (ตัวชี้วัด) ปี 2565 เป้าหมายปี 2565 เป้าหมายปี 2566
คงไว้ซึ่งปริมาณการฝังกลบของของเสีย Industrial waste ประเภท Hazardous ที่เกิดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ (ร้อยละ) 0% to landfill 0% to landfill 0% to landfill
มาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001: 2015 คงไว้ซึ่งการรับรองมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001: 2015 คงไว้ซึ่งการรับรองมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001: 2015 คงไว้ซึ่งการรับรองมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001: 2015
จำนวนเหตุการณ์ละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่ร้ายเเรง (เคส) 0 0 0
ปรับปรุง ณ เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565

เนื้อหาข้างต้นจัดทำตามมาตรฐานการรายงานความยั่งยืน โดย The Global Reporting Initiative (GRI Standards) ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องโดยหน่วยงานภายนอกและให้ความเชื่อมั่นข้อมูลการรายงานในระดับจำกัด (Limited Assurance)