ความคืบหน้าเชิงปริมาณเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ: 100%
GRI 304-3
บริษัทฯมีพื้นที่ปฏิบัติงานสองแห่ง (GHECO-One และ SPP3) ที่ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พบว่ามีผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ พื้นที่เหล่านี้ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมมาบตาพุด ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นคือผลกระทบเล็กน้อยต่อไข่และตัวอ่อนของพันธุ์สัตว์น้ำ
ตามคำแนะนำจากการศึกษานิเวศวิทยาในเขตอุตสาหกรรมมาบตาพุดโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ในปี 2555 บริษัทฯ ต้องปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เช่น ปูม้า และ ตัวอ่อนกุ้ง ซึ่งเป็นพันธุ์ท้องถิ่นใกล้เคียงในพื้นที่มาบตาพุดอย่างน้อย 1-2 ล้านตัว ต่อปี ระหว่างปี 2558-2560 บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการฟื้นฟูสัตว์น้ำโดยปล่อยไข่และตัวอ่อนของสัตว์น้ำในท้องถิ่นประมาณ 10 ล้านตัว เช่น ปูม้าและตัวอ่อนกุ้ง บริเวณพื้นที่ปฏิบัติการ GHECO-one และ SPP3 นอกจากนี้ เพื่อเป็นการปกป้องและฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยทางทะเล บริษัทฯได้เสร็จสิ้นการสร้างแนวปะการังเทียมจากทางมะพร้าวจำนวน 50 แห่ง
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินการด้านความหลากหลายทางชีวภาพทั้ง ทางบกและทางทะเลในปี 2564 ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่สำคัญในจังหวัดระยอง มีผลสรุปดังนี้
ผลการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล
- การปนเปื้อนของโลหะหนักในตะกอนและเนื้อเยื่อของสัตว์น้ำ
- สำหรับระดับการปนเปื้อนตะกอนอยู่ภายใต้มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ปริมาณโลหะหนักในเนื้อเยื่อสัตว์น้ำถูกพบในปริมาณที่ต่ำมาก ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรฐานทางกฎหมายทั้งหมด
- ความอุดมสมบูรณ์และความหนาแน่นของสายพันธุ์ต่างๆ
- สำหรับแพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ และสัตว์ทะเล ความอุดมสมบูรณ์และความหนาแน่นของสายพันธุ์อยู่ในระดับเกือบเท่ากันกับการวัดครั้งล่าสุดแสดงให้เห็นว่าคุณภาพน้ำอยู่ในระดับปกติ นอกจากนี้ยังมีสัตว์ทะเลสามสายพันธุ์ที่โดดเด่นในพื้นที่และเป็นสายพันธุ์ทั่วไปที่พบในระบบนิเวศทางทะเล
- สำหรับไข่และตัวอ่อน แนวโน้มความอุดมสมบูรณ์และความหนาแน่นของสายพันธุ์ในแต่ละจุดมีความคล้ายคลึงกัน
สามสปีชีส์ที่โดดเด่นมีดังนี้: (A ) Nemipterusfurcosus, (B) Eubleekeria splendens และ (C) Lutjanus lutjanus
(A) Nemipterus furcosus (Forktailed threadfin bream or ทรายแดง)
(B) Eubleekeria splendens (Striped ponyfish or แป้นเมือก)
(C) Lutjanus lutjanus (Bigeye snapper or กะพงข้างเหลือง)
ผลการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพบนบก
- การสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพของพืช
- สายพันธุ์พืชทั้งหมดที่พบในสถานที่สำรวจเป็นสายพันธุ์พืชทั่วไปในป่าเบญจพรรณ และป่าแดง นอกจากนี้ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าไม่มีสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ในพื้นที่
ตัวอย่างพันธุ์พืชในพื้นที่สำรวจ
- การสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์ป่า
- สายพันธุ์สัตว์ป่าที่พบในสถานที่สำรวจทั้งหมดเป็นสายพันธุ์ที่พบได้ในป่าอนุรักษ์ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์กับระบบนิเวศของแต่ละพื้นที่ ตัวอย่างเช่นในพื้นที่ป่าชุมชนมาบจันทร์ สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกเป็นอาหารของนกและงู ในพื้นที่ที่พบนกและค้างคาวกินผลไม้สามารถช่วยส่งเสริมการกระจายของพืชได้ ดังนั้นสายพันธุ์ของสัตว์ป่าที่สำรวจจึงสามารถพบเห็นได้อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าไม่มีสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ซึ่งอยู่ในบัญชีแดงของ IUCN, แหล่งมรดกโลก, อนุสัญญาแรมซาร์, โครงการมนุษย์และชีวมณฑลของ UNESCO และกฎหมายและกฎระเบียบแห่งชาติในพื้นที่ที่อยู่ห่างจากสถานที่ปฏิบัติการของ GPSC ในระยะ 5 กม.
ตัวอย่างพันธุ์สัตว์ป่าในพื้นที่สำรวจ
- การพัฒนาระบบฐานข้อมูลทางภูมิศาสตร์ (Geo-database)
- ฐานข้อมูลทางภูมิศาสตร์ได้รับการพัฒนาในรูปแบบของระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) โดยการบูรณาการข้อมูลเชิงพื้นที่และคุณลักษณะที่รวบรวมจากแต่ละสถานที่ เอกสารที่เกี่ยวข้องจาก GPSC หน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง และภาพถ่ายดาวเทียม
- การใช้ภาพถ่ายดาวเทียมที่มีข้อมูลการสะท้อนคลื่นในรูปแบบต่างๆมีข้อจำกัดเนื่องจากแผนผังการศึกษามีขนาดเล็กกว่าความละเอียดของภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ถูกต้อง แต่การเปลี่ยนแปลงยังคงสังเกตได้จากสี ที่แตกต่างกันในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
- ผลลัพธ์จะถูกนำมาใช้สำหรับการตรวจสอบด้านกายภาพและชีวภาพรวมถึงทรัพยากรทางธรณีวิทยา อุณหภูมิปริมาณน้ำฝน ทรัพยากรพืช และสัตว์ป่า
ตัวอย่างฐานข้อมูลภูมิศาสตร์ในรูปแบบของ GIS
แผนการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ:
GRI 304-3
จากผลการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ เรามีสถานที่ดำเนินงานเพียงสองแห่งที่อาจมีผลกระทบเล็กน้อยต่อความหลากหลายทางชีวภาพในสถานที่ดำเนินงานใกล้เคียงคือโครงการ GHECO-One และ SPP3 บริษัทฯ ได้พัฒนาแผนการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อหลีกเลี่ยง (Avoid) ที่จะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง การลดผลกระทบ (Minimize) โดยปรับปรุงการดําเนินการให้ดีขึ้น ฟื้นฟู (Restore) และเฝ้าระวังรักษาระบบนิเวศที่ได้รับผลกระทบ และการชดเชย (Offset) ความสูญเสียที่เกิดขึ้นตามผลการศึกษา EIA และหลักการการบรรเทาผลกระทบตามลำดับขั้นนอกจากนี้ บริษัทฯ ยังตระหนักอย่างจริงจังถึงความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศ ซึ่งถือเป็น แรงผลักดันให้บริษัทฯ จัดทำแผนการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพสำหรับสถานที่ปฏิบัติงานทั้งหมดในกรณีที่เกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
บริษัทฯ ได้ศึกษาและจัดทำแผนการดำเนินงานในด้านทรัพยากรชีวภาพทางทะเลเพื่อดำเนินโครงการอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยประสานงานกับชุมชนและหน่วยงานวิชาการที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนพันธุ์สัตว์น้ำในการปล่อยปลาประจำปี เช่น โครงการธนาคารปูม้า โครงการธนาคารไข่หมึก โครงการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ และโครงการปะการังเทียม มีการประเมินความยั่งยืนของแผนการดำเนินการทั้งหมดเพื่อแนะนำการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับชนิดของสัตว์น้ำที่จะถูกปล่อยลงทะเลเพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดของสัตว์ที่ถูกปล่อยออกมาตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญภายนอก บริษัทฯ มีแผนการที่จะศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชนิดของสัตว์ที่ถูกปล่อยและสถานที่ปล่อยเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นอาหารของสัตว์นักล่าท้องถิ่น นอกจากนี้บริษัทจะดำเนินการสำรวจให้กับชาวประมงในชุมชนเพื่อกำหนดปริมาณและสายพันธุ์ของสัตว์น้ำที่จับได้เป็นพื้นฐานสำหรับการเปรียบเทียบแนวโน้มทรัพยากรธรรมชาติเป็นระยะๆ
ข้อตกลงไม่ตัดไม้ทำลายป่าสุทธิ
บริษัทฯ ทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรภายนอก เช่น กรมป่าไม้ เพื่อปกป้อง ฟื้นฟูพื้นที่ป่า และปฏิบัติตามกฎระเบียบของเขตอนุรักษ์ของไทยและสากล รวมไปถึงกฎระเบียบเกี่ยวกับพันธุ์พืชอนุรักษ์ บริษัทฯ ให้คำมั่นในการ 'ไม่ทำลายป่าสุทธิ' การปลูกป่าในอนาคตเพื่อชดเชยการสูญเสียป่าในปัจจุบันหรือการขยายพื้นที่ป่าเมื่อเป็นไปได้และจะไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์จากผู้คนและชุมชนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ใกล้กับพื้นที่ภายในปี 2568 มีการทำกิจกรรมต่างๆเพื่อสร้างประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะทำให้การปฏิบัติตามกฎระเบียบของป่าไม้และมาตรฐานที่บังคับใช้ทั่วทั้งกลุ่ม ตรวจสอบและผลักดันประสิทธิภาพการปลูกต้นไม้ผ่านระบบการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามความมุ่งมั่นทั่วทั้งกลุ่ม เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย "ปราศจากผลกระทบต่อพื้นที่ป่าไม้สุทธิ" ภายในปี 2025 บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะสร้างความร่วมมือและการมีส่วนร่วมกับคู่ค้าและพันธมิตรทั้งหมดโดยตระหนักว่าบริษัทฯ ไม่สามารถทำได้เพียงลำพังแต่ต้องมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ดังนั้นบริษัทฯ จึงทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญภายนอกเช่นกรมป่าไม้และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อปกป้องฟื้นฟูพื้นที่ป่าและปฏิบัติตามกฎระเบียบระหว่างประเทศและพื้นที่อนุรักษ์แห่งชาติของประเทศไทยและการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า นอกจากนี้บริษัทฯ ยังร่วมมือกับพันธมิตรภายนอกอื่นๆได้แก่กลุ่มปตท., คู่ค้า, พันธมิตร, หน่วยงานภาครัฐและบุคคลภายนอกเพื่อจัดการ ลดความเสี่ยงจากการตัดไม้ทำลายป่า รักษาและตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้เพื่อสร้างคุณค่าในเชิงบวกร่วมกัน
ความคืบหน้าเชิงปริมาณของการไม่ตัดไม้ทำลายป่าสุทธิ: 100%
ในปัจจุบัน การดำเนินงานของบริษัทฯไม่ใช่การสูญเสียป่าไม้ในปัจจุบันจากการประเมินความหลากหลายทางชีวภาพและป่าไม้ โดยบริษัทฯจะคอยติดตามกิจกรรมการตัดไม้ทำลายป่าอย่างใกล้ชิดเพื่อดำเนินการในอนาคต และดำเนินการปลูกป่าเพื่อชดเชยผ่านโครงการปลูกป่าอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2564 กลุ่มบริษัท GPSC ได้ดำเนินโครงการปลูกป่าโดยการปลูกป่ากว่า 60 สายพันธุ์ โดยสรุปความคืบหน้าได้ดังนี้
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท GPSC ยังดำเนินโครงการปลูกหญ้าทะเลบริเวณหาดนภาธาราภิรมย์ (หาด EOD) จังหวัดระยอง จำนวน 4,000 ต้น ในปี 2564
Year |
No. of tree planted |
Previous Projects: 2013 – 2020 |
18,450 |
Current: 2021 |
2,200 |
Total |
20,650 |
ระบบการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการตรวจสอบ:
GRI 304-3
บริษัทฯ ได้ศึกษาและติดตามความหลากหลายทางชีวภาพบนบก (พืชและสัตว์ป่า) รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูลภูมิศาสตร์ในพื้นที่ดำเนินงานที่สำคัญ (จังหวัดระยอง) โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อประเมินความอุดมสมบูรณ์และความหนาแน่นของสายพันธุ์รวมถึงพืชและสัตว์ป่าจากการดำเนินโครงการ สำหรับการปฏิบัติตามกฎระเบียบทั้งกลุ่ม ระบบการตรวจสอบประเภทที่เลือกจะมีการดำเนินการอย่างสม่ำเสมอในข้อมูลพื้นฐานและรายละเอียดประจำปีดังต่อไปนี้
การสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพของพืช/ป่าไม้
- การสำรวจนี้รวมถึงพืชประเภทต่างๆ (ต้นไม้ หน่อต้นไม้ และต้นกล้า) กลุ่ม GPSC เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการแยกแปลงตัวอย่างขนาด 10 * 10 เมตรออกเป็น 10 แปลงจากนั้นวิเคราะห์ด้วยตัวแปร 10 ตัวที่ประกอบด้วยความหนาแน่น, ความถี่, ความโดดเด่น, ความถี่สัมพัทธ์, ความหนาแน่นสัมพัทธ์, ความโดดเด่นสัมพัทธ์, ดัชนีค่าความสำคัญ, ดัชนีความหลากหลายของพืช/สปีชีส์, ดัชนีความสม่ำเสมอและดัชนีความคล้ายคลึง (ตามสมการของ Shannon-Wiener ในการอ้างอิงของ Ludwig and Reynold, 1998)
การสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์ป่า
- การสำรวจประกอบด้วยสัตว์ประเภทต่างๆ (สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกและสัตว์ปีก) บริษัทฯ รวบรวมข้อมูลโดยวิธีการที่ไม่เป็นอันตรายและเหมาะสมสำหรับสัตว์ประเภทต่างๆแล้วจัดหมวดหมู่ตามกฎหมายข้อบังคับและข้อตกลง ในท้องถิ่นและระหว่างประเทศที่แตกต่างกัน เช่น พระราชบัญญัติการอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย (1992), สถานะทรัพยากรชีวภาพของประเทศไทย, IUSN (2010) และอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์
การจัดทำฐานข้อมูลทางภูมิศาสตร์ (Geo-database)
- บริษัทฯ ได้ทำการประเมินนิเวศวิทยาทางทะเลกับผู้เชี่ยวชาญสำหรับการวัดความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลด้วยตัวชี้วัดที่รวมไปถึงความอุดมสมบูรณ์/ความหนาแน่นของสปีชีส์ของแพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ สัตว์ทะเลหน้าดิน ไข่ ตัวอ่อนและสัตว์ทะเล นอกจากนี้, การปนเปื้อนของโลหะหนักในตะกอนและเนื้อเยื่อสัตว์น้ำ ถูกวัดเพื่อติดตามประสิทธิภาพของระบบการจัดการมลพิษของ GPSC
การสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล
- GPSC ได้ทำการประเมินนิเวศวิทยาทางทะเลกับผู้เชี่ยวชาญสำหรับการวัดความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลด้วยตัวชี้วัดที่รวมไปถึงความอุดมสมบูรณ์/ความหนาแน่นของสปีชีส์ของแพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ สัตว์ทะเลหน้าดิน ไข่ ตัวอ่อนและสัตว์ทะเล นอกจากนี้, การปนเปื้อนของโลหะหนักในตะกอนและเนื้อเยื่อสัตว์น้ำ ถูกวัดเพื่อติดตามประสิทธิภาพของระบบการจัดการมลพิษของ GPSC
การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (รวมถึงคู่ค้าและพันธมิตร) เพื่อจัดการและลดความเสี่ยงจากการตัดไม้ทำลายป่า
GRI 304-3
บริษัทฯ ดำเนินโครงการฟื้นฟูป่าร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกรวมถึงคู่ค้า เหล่านี้รวมไปถึงคู่ค้าของเรา โครงการมีดังต่อไปนี้:
โครงการฟื้นป่ารักษ์น้ำเขาห้วยมะหาด ร่วมปลูกป่า จ.ระยอง
สร้างสมดุลระบบนิเวศมุ่งดูดซับคาร์บอนกลไกสู่ Net Zero
GPSC ได้ ร่วมกับเทศบาลเมืองมาบตาพุด และภาคีเครือข่ายโครงการฟื้นป่ารักษ์น้ำเขาห้วยมะหาด อ.เมือง จ.ระยอง ดำเนิน “โครงการปลูกป่าเขาห้วยมะหาดและบำรุงรักษา ปีที่ 9” ในพื้นที่ ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง โดยร่วมกับเครือข่ายในจังหวัด อาทิ หน่วยงานท้องถิ่น ชุมชน คู่ค้า และพนักงานจิตอาสาของบริษัทฯ กว่า 100 คน เพื่อร่วมฟื้นฟูป่าต้นน้ำและเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพของพันธุ์พืช พร้อมสร้างความสมดุลแก่ระบบนิเวศใกล้แหล่งชุมชนและแหล่งอุตสาหกรรม ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการอยู่ร่วมกัน ควบคู่ไปกับการพัฒนาจังหวัดระยองสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยโครงการดังกล่าวเป็นการเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ป่าในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซต์ ที่จะเป็นกลไกสำคัญของการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ให้บรรลุสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี 2060
สำหรับแผนการดำเนินโครงการฯ เน้นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในรูปแบบการปลูกเสริมพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมแปลงที่ 3 จำนวน 7 ไร่ โดยการนำพันธุ์ไม้จำนวน 15 ชนิด เพื่อเพิ่มความหลากหลายของพันธุ์พืช ได้แก่ พันธุ์ไม้ป่าจำนวน 13 ชนิด มีคุณสมบัติในการดูดซับคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ไม้พื้นเมืองโตช้าจำนวน 900 ต้น และยังมีการปลูกพืชพันธุ์ไม้พื้นล่างประเภทสมุนไพร 2 ชนิดจำนวน 100 ต้น ซึ่งสามารถประเมินปริมาณการกักเก็บคาร์บอนสะสมรวมแปลงที่ 1 และแปลงที่ 2 ที่ได้ปลูกก่อนหน้านี้ รวมกับแปลงที่ 3 ดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน ได้ทั้งสิ้นประมาณ 524 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศแต่ยังช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนรอบพื้นที่ป่า ด้วยการปลูกพืชสมุนไพรที่นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชุมชนได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
โครงการสร้างฝายชะลอน้ำ ปีที่ 8 เพิ่มพื้นที่สีเขียวป่าชุมชนเขาภูดรห้วยมะหาด จ.ระยอง
GPSC ร่วมสร้างฝายชะลอน้ำต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศในพื้นที่ป่าชุมชนเขาภูดร – ห้วยมะหาดร่วมกับเทศบาลตำบลบ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง จัดกิจกรรม “โครงการสร้างฝายชะลอน้ำ” ที่ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและฟื้นฟูระบบนิเวศของป่าชุมชนให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ที่สร้างฝายชะลอน้ำตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบันมีจำนวน 152 ฝาย โดยมีหน่วยงานภาครัฐท้องถิ่น พนักงานจิตอาสา และชาวบ้านในชุมชนเข้าร่วมกิจกรรม บริเวณป่าชุมชนเขาภูดรห้วยมะหาด จ.ระยอง
“โครงการฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเล”
กลุ่มบริษัท GPSC, ทัพเรือภาคที่ 1 และศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก (ศวทอ.) ร่วมกันศึกษาวิจัยพื้นที่ที่หมาะสมในการปลูกและขยายพันธุ์หญ้าทะเล ซึ่งเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ และฟื้นฟูระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลให้อุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเริ่มทดลองปลูกใน 2 พื้นที่ได้แก่ 1) หาดนภาธาราภิรมย์ กิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กองการบินทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จำนวน 5,000 กอ บนพื้นที่ 3 ไร่ และ 2) เกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จำนวน 5,000 กอ บนพื้นที่ 3 ไร่ โดยคาดว่าจะช่วยลดปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกได้ 66 tonsCO2eq/ปี ตามระเบียบวิธีการคำนวณขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะทำการสำรวจและเก็บข้อมูลด้านวิชาการ ทั้งด้านการกักเก็บคาร์บอนในระบบนิเวศหญ้าทะเล และด้านความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ต่องานวิจัยในอนาคต