ความเสี่ยงด้านกายภาพ |
การเพิ่มขึ้นของเหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรง (Extreme weather) เช่น พายุฝนฟ้าคะนอง พายุลูกเห็บ ฟ้าผ่า ไซโคลน |
- สามารถสร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างพื้นฐานหรือเครื่องจักรและอุปกรณ์ ส่งผลให้ค่าบำรุงรักษาสูงขึ้นและการผลิตไฟฟ้าไม่ต่อเนื่อง โดยหากการดำเนินกิจการหยุดชะงัก บริษัทฯ อาจถูกลงโทษและกระทบต่อรายได้
- การบาดเจ็บเนื่องจากวัตถุที่ปลิวในอากาศ จากพายุ
- การขนส่งระหว่างผู้ผลิต คู้ค้า และผู้บริโภคตลอดห่วงโซ่อุปทานอาจได้รับผลกระทบจากายุและฝนตกหนัก รวมถึงความเสียหายของท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติได้
|
- ดำเนินการตามขั้นตอนการตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน
- ศึกษาการติดตั้งและปรับปรุงระบบป้องกันฟ้าผ่า (เช่น เครื่องป้องกันไฟกระชาก)
- ฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับแนวทางและแผนการรับมือสถานการณ์วิกฤตของโรงงาน (Plant crisis plan) เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์วิกฤตและจำกัดผลกระทบจากเหตุการณ์ฉุกเฉินไม่ให้อยู่เหนือการควบคุม
- ใช้แนวทางเชิงรุกในการจัดการกับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น โดยการพัฒนาระบบบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management, BCM) ซึ่งครอบคลุมองค์ประกอบของการดำเนินกิจการที่สำคัญ
- แจ้งปัญหาของภัยพิบัติไปยังผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องและตรวจสอบรายละเอียดเพื่อปรับปรุงระบบการระบบการจัดการภายใต้สภาวะวิกฤต
- ศึกษาการติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อลดพลังงานศักย์ที่มีอยู่ในยกตัวของกระแสอากาศในแนวตั้ง (Convective Available Potential Energy, CAPE) ในพื้นที่โดยรอบ
|
น้ำท่วม |
- สามารถสร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างพื้นฐานหรือเครื่องจักรและอุปกรณ์ ส่งผลให้ค่าบำรุงรักษาสูงขึ้นและการผลิตไฟฟ้าไม่ต่อเนื่อง โดยหากการดำเนินกิจการหยุดชะงัก บริษัทฯ อาจถูกลงโทษและกระทบต่อรายได้
- พนักงานอาจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต อาจส่งผลต่อเนื่องถึงประสิทธิภาพและชื่อเสียงของบริษัทฯ
- พนักงาน และคู่ค้าไม่สามารถเดินทางมาทำงาน และส่งมอบสินค้า จนไปถึงการหยุดกิจการชั่วคราวในกลุ่มของคู่ค้า
- น้ำท่วมส่งผลให้บริษัทฯจำเป็นต้องหยุดการดำเนินธุรกิจชั่วคราว
- ในกรณีที่บริษัทฯ หยุดดำเนินการอาจมีค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้า และค่าปรับสำหรับลูกค้าหรือคู่ค้าเป็นต้น
- ในกรณีของเขื่อน จะมีปัญหาเรื่องการเพิ่มขึ้นของกากตะกอน ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำลดลงแล้ว และเพิ่มโอกาสการเกิดความเสียหายแก่ใบพัดใต้เขื่อน
- ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการซ่อมแซม/บูรณะ/เปลี่ยน ค่าประกันภัยที่เพิ่มขึ้น
|
- ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดกับตัวแทนจากคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของกลุ่ม ปตท.
- กำหนดให้มีการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCM) เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถตอบสนองต่อปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงาน
- สำรองไฟฟ้าจาก กฟภ./กฟผ.
- จัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment, EIA)
- บริหารจัดการสถานการณ์ตาม EIA และข้อกำหนดอื่น ๆ ที่บังคับใช้
- ทบทวนพื้นที่เสี่ยงภัยและความเสียหายจากน้ำท่วม และใช้มาตรการปรับตัว เพื่อลดความเสี่ยง เช่น การเพิ่มระดับความสูงของพื้น เป็นต้น
- จัดทำพนังกั้นน้ำ (ชั่วคราว / ถาวร)
- พัฒนาและติดตั้งระบบระบายน้ำ
|
น้ำแล้ง |
- ผลจากศึกษาทางวิทยาศาสตร์โดยอ้างอิงจากแบบจำลองสภาพภูมิอากาศในอนาคตระบุว่า จังหวัด ระยอง และ ชลบุรีจะมีแนวโน้มปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ส่งผลให้ผลกระทบของภัยแล้งอยู่ในระดับปานกลาง
- เมื่อคลังเก็บน้ำมีระดับน้ำลดลงจนถึงขาดแคลน การดำเนินงานของบริษัทฯ จะขาดความต่อเนื่องหรือหยุดชะงัก เนื่องจากไม่มีน้ำสำหรับหล่อเย็นในโรงผลิตไฟฟ้า ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าให้ลูกค้า ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงรายได้และความเชื่อมั่นของบริษัทฯ
- อาจเพิ่มต้นทุนการผลิต เนื่องจากจำเป็นต้องจัดหาทรัพยากรน้ำจากแหล่งอื่น ๆ
- บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นในการเช่าอุปกรณ์เครื่องจักรสำหรับเปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืดเพื่อใช้ในการหล่อเย็น
- อาจเกิดความขัดแย้งกับชุมชนรอบข้าง เนื่องจากชุมชนมองหาบริษัทฯ ใช้น้ำมากจนทำให้ทรัพยากรน้ำขาดแคลน ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต อย่างไรก็ดีหากบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการหรือจัดหาโครงสร้างสำหรับการสำรองน้ำให้ชุมชนในสภาวะขาดแคลนน้ำ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากชุมชน
|
- จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำ เช่น การทำสัญญาซื้อน้ำปราศจากแร่ธาตุจากคู่ค้ารายอื่น
- พัฒนาหรือปรับปรุงระบบการผลิต เพื่อลดการใช้น้ำ รวมการใช้น้ำซ้ำและรีไซเคิลน้ำ
- ติดตั้งระบบรีเวิสออสโมซิส (RO) สำหรับเปลี่ยนน้ำทะเลบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ปฏิบัติการเป็นน้ำจืดสำหรับใช้ในช่วงเวลาขาดแคลนน้ำ
- จัดงบประมาณสร้าง คลังน้ำเพิ่มเติม รวมถึงระบบจัดเก็บน้ำฝนสำหรับใช้ในฤดูแล้ง โดยสามารถเป็นแหล่งน้ำฉุกเฉินสำหรับการดำเนินงาน อย่างน้อย 3 วัน
- ติดตามปริมาณน้ำในบริเวณอย่างข้างเคียง
- ดำเนินโครงการรับน้ำเสียมาบำบัด เพื่อใช้ในการหล่อเย็น
- ขยายการดำเนินโครงการด้านจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ข้างเคียง ร่วมกับ อปท. และหน่วยงานอื่น ๆ ภายในเขตอุตสาหกรรมมาบท่าพุด
- หากบริษัทบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้ดีเพียงพอ สามารถเป็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับการขายน้ำให้แก่ลูกค้าที่ขาดแคลน เพื่อสร้างรายได้
|
การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก |
- เมื่ออุณหภูมิเฉลี่ยของพื้นผิวสูงขึ้น ส่งผลกระทบให้ประสิทธิภาพของการผลิตและการจ่ายไฟฟ้าต่ำลง จนส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงความเชื่อมั่นของบริษัทฯ
- ประสิทธิภาพในการหล่อเย็นจากคลังน้ำลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จนก่อให้เกิดปัญหาการใช้น้ำเพิ่มขึ้น
- น้ำในคลังจะมีอัตราการระเหยเพิ่ม ซึ่งอาจะก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำได้
- ประสิทธิภาพของแผงโซลาร์เซลล์ลดลง
|
- ตรวจสอบการทำงานของเครื่องจักรภายในพื้นที่ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง
- ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องจักรให้ทนทานต่อสภาวะอุณหภูมิที่สูงขึ้น
- ติดตั้งเครื่องพ่นน้ำ เพื่อลดอุณหภูมิระหว่างการผลิตไฟฟ้า
- ดัดแปลงโรงงานตามสถานการณ์ (การปรับตัวระยะสั้น)
- มองหาพื้นที่ใหม่ในการลงทุนเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าที่ไม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงของปัญหาอุณหภูมิพื้นผิวที่สูงขึ้น
|
ความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนผ่าน |
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย (ความกังวลและมุมมองเชิงลบ) |
- กลุ่มนักทุนรายใหญ่ในระดับสากลมีความคาดหวังว่า บริษัทฯ จะต้องมีแผนการจัดการปัญหาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง ซึ่งหากบริษัทฯ ยังคงมีสัดส่วนของพลังงานฟอสซิลอยู่ อาจจะส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนเพิกถอนการลงทุนจากบริษัทฯ
- กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียเริ่มตระหนักและกังวลเกี่ยวกับมลพิษที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบทางลบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- โรงไฟฟ้าหมุนเวียน บางประเภท (เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำ) จำเป็นต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ เพื่อก่อสร้างเขื่อนและปรับการไหลของน้ำ ซึ่งจะรบกวนระบบนิเวศและการย้ายถิ่นฐานของชุมชน อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชุมชนและบริษัท
|
- บริษัทฯ เข้าร่วมการประเมินธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน ดำเนินการโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ได้รับรางวัลธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 3 ซึ่งจะสร้างความไว้วางใจแก่กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ
- ติดตามการดำเนินงานของสถานประกอบการอย่างเข้มงวด ในด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อลดความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์ กรณีมีการดำเนินโรงไฟฟ้าใหม่หรือซื้อโรงไฟฟ้าอื่นที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
- กำหนดเป้าหมายการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและคำมั่นสัญญาด้านสภาพอากาศ
- หยุดเพิ่มสัดส่วนการผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล (Balance port)
- เพิ่มสัดส่วนการผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน
- ดำเนินการโครงการ CCS หรือ CCUS
- ศึกษาวิจัยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงไฮโดรเจน
- สนับสนุนกิจกรรมของชุมชนรอบข้าง
- ปรับปรุงหรือพัฒนาประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต เพื่อลดการใช้ทรัพยากรและการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
|
การเพิ่มขึ้นของการแข่งขันด้านเทคโนโลยี |
- เทคโนโลยี CCS และไฮโดรเจนสีน้ำเงินจะช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรได้อย่างมากและส่งเสริมการบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero emission)
- การขาดบริการด้านการบริหารจัดการพลังงานใหม่ๆ เช่น การติดตั้งพลังงานทดแทนและสมาร์ทกริด - ไมโครกริด อาจทำให้บริษัทเสียโอกาสในตอบสนองความต้องการใหม่ของลูกค้า
- ในอนาคตระบบจำหน่ายไฟฟ้าของประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เพื่อติดตามแหล่งพลังงานที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า บริษัทต้องการเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อตรวจสอบและติดตามการผลิตไฟฟ้า การขาดเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจส่งผลเสียต่อความพึงพอใจของลูกค้าและเสียเปรียบในการแข่งกับคู่แข่งรายอื่น
|
- ตั้งงบประมาณสำหรับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ที่ส่งเสริมการบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ รวมถึงการสร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ
- ขยายสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ส่งเสริมการบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์
- เพิ่มการประชาสัมพันธ์บริการของ Combined Heat and Power Producing Company Limited (CHPP) ซึ่งเป็นบริษัทลูกในกลุ่มจีพีเอสซี ที่ให้บริการด้านจัดการพลังงานอย่างครบวงจร (Smart energy solution provider)
- ประชาสัมพันธ์และผลิตแบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต
- ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและพันธมิตร เพื่อทดลองนวัตกรรมใหม่ สำหรับศึกษาและพัฒนาต่อ ก่อนการผลิตเชิงธุรกิจ (การจัดการนวัตกรรมแบบเปิด)
|
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค |
- เนื่องจากสถานการณ์ และความกดดันเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากทั่วโลก ส่งผลให้ลูกค้ามีความต้องการไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น โดยหากไฟฟ้าที่ผลิตจากบริษัทฯยังคงมีสัดส่วนมาจากพลังงานฟอสซิลอยู่มาก จะส่งผลต่อปริมาณจัดซื้อ และความพึงพอใจลดลง และอาจจะกระทบต่อรายได้ของบริษัทฯ อย่างไรก็ดี การลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำก็เป็นโอกาสทางธุรกิจอีกทางหนึ่ง
|
- บริษัทฯ ลงทุนเพิ่มสัดส่วนพลังงานไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนผ่านการเข้าถือหุ้นบริษัทพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ ส่งผลให้มีกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น
- บริษัทฯ ลงทุนในการวิจัยและพัฒนา นวัตกรรมเพื่อรองรับธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน และระบบการจัดการพลังงาน
- ปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ ให้สามารถตอบสองความต้องการของลูกค้า ด้วยบริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
- ศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบสมาร์ทกริดในประเทศไทย
|
การเปลี่ยนแปลงของข้อบังคับเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ |
- บริษัทฯ อาจถูกรวมอยู่ในระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่จำกัดปริมาณการปลดปล่อยแล้วแลกเปลี่ยน หรือ Emission Trading Scheme (ETS) หรือ Cap-And-Trade Scheme ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศที่พัฒนาระบบดังกล่าว โดยหากบริษัทฯ ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบอาจทำให้สูญเสียสิทธิพิเศษด้านการลงทุนที่ได้รับจากหน่วยงานส่งเสริมการลงทุน
- ระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอาจถูกบังคับใช้ทั่วทั้งประเทศในอนาคต ดังนั้น อาจส่งผลให้บริษัทฯ หาแนวทางเพื่อควบคุมต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า
- ระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอาจส่งเสริมบริษัทฯ ในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานง่ายขึ้น
- บริษัทฯ อาจได้รับผลกระทบภาษีคาร์บอน ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทฯ สูงขึ้น เช่น ต้นทุนการปฏิบัติตามข้อกำหนด เบี้ยประกันภัย เป็นต้น
- ได้รับสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีทางเลือกที่ปล่อยมลพิษต่ำ เพื่อลดการปล่อยมลพิษโดยรวมของโรงไฟฟ้า
|
- ติดตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงราคาคาร์บอนในประเทศไทย และนโยบายซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย
- ตั้งงบประมาณสำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานขององค์กรสู่ NDC ใหม่ เช่น แผนการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนระหว่างปี 2565 – 2573
- ดำเนินการใช้ราคาคาร์บอนภายใน (Internal Carbon Price)
- ตั้งเป้าหมายการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในระยะสั้นและยาว
- เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ผ่านการลงทุนตาม Alternative Energy Development Plan (AEDP) สำหรับการลงทุนภายในประเทศ และลงทุนผ่าน GRSC สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ เช่น AVAADA ในอินเดีย และ GRP ในไต้หวันและเวียดนาม
- ปรับปรุงและพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานฟอสซิลด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิการใช้พลังงานและลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- หยุดการดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าหลังงานฟอสซิล เมื่อครบอายุการใช้งาน
- ประยุกต์เทคโนโลยี CCS และ CCUS รวมถึงเชื้อเพลิงไฮโดรเจน
- พัฒนาสินค้าและบริหารอื่น ๆ เช่น สมาร์ทกริด ระบบกักเก็บพลังงาน โซลูชั่นพลังงานอัจฉริยะ การจัดการกริด
- ดำเนินการโครงการที่อาศัยธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-based solution) เช่น โครงการปลูกป่า
- ศึกษาและเตรียมการับมือภาษีคาร์บอนในอนาคต
|