1. ความเสี่ยงจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และภาวะสงคราม (Economic Recession, Geopolitical and War Risk) |
สูง |
พ.ศ. 2568 |
สถานการณ์ความขัดแย้งทางสงครามและการเมือง การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ความผันผวนในตลาดเงินตลาดทุนและภาคการผลิตการบริโภคจากสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนไหว ส่งผลให้เกิดข้อจำกัด เงื่อนไขทางธุรกิจการดำเนินงานและผลประกอบการของบริษัทฯและกลุ่มบริษัท GPSC |
- ผลกระทบจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาเชื้อเพลิงพลังงาน ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับผลกระทบต่อผลประกอบการที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายแผนงาน
- ผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ กฎระเบียบทางการค้าส่งผลต่ออุปสงค์ที่มีต่อลูกค้าอุตสาหกรรมที่ลดลง เป็นผลให้ปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ลดลงเช่นกัน
- ผลกระทบจากการบริหารนโยบายการเงินการคลังภายใต้สภาวะการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และการตรึงตัวของสภาวะเศรษฐกิจในระดับนานาชาติ ส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ
- ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเป็นความขัดแย้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์การขยายการเติบโตของบริษัทฯ
|
- บริหารผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผลประกอบการผ่านสูตรราคาเชื้อเพลิงที่ใช้อ้างอิงในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าตามสัญญาจำหน่ายไฟฟ้า อีกทั้งดำเนินการการบูรณาการการผลิตและการส่งจำหน่าย (Plant Optimization) ตลอดจน การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและจำหน่ายและมีการประสานงานกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง
- ประสานความร่วมมือระหว่างลูกค้า/คู่ค้าเพื่อรักษาความมั่นคงด้านการผลิตและจัดส่งไฟฟ้า
- บริหารจัดการและดำเนินการบริหารความเสี่ยงผ่านคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงด้านราคาวัตถุดิบผลิตภัณฑ์ และด้านการเงิน (Hedging Committee) ตลอดจนมีการติดตามสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยและต้นทุนทางการเงินเพื่อหาเครื่องมือทางด้านการเงินที่เหมาะสม
- บริหารความเสี่ยงและผลกระทบที่เกิดขึ้นตั้งแต่การพิจารณาคัดเลือกโครงการลงทุน ซึ่งจะมีการประเมินผลที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ตลอดจนการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในพื้นที่ การศึกษาและติดตามสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในเชิงลึกผ่านการมีบุคลากรของบริษัทฯ ในพื้นที่และการพิจารณา Exit Strategy ในสถานการณ์ที่เหมาะสม
|
2. ความเสี่ยงจากนโยบายบริหารจัดการราคาพลังงาน (Power and Energy Interfere Risk) |
สูง |
พ.ศ. 2567 |
นโยบายรัฐบาลด้านการตรึงราคาไฟฟ้าเพื่อบรรเทาภาระการดำรงชีพของภาคการบริโภค เป็นเหตุผู้ผลิตไฟฟ้าและบริษัทฯ ได้รับผลกระทบต่อผลประกอบการจากความไม่สอดคล้องของราคาเชื้อเพลิงพลังงานและราคาค่าไฟฟ้า
|
- ผลกระทบจากการตรึงราคาไฟฟ้าตามนโยบายของภาครัฐที่มิได้สะท้อนสภาพต้นทุนที่แท้จริงส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับผลกระทบต่อผลประกอบการที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายแผนงาน
|
- แสวงหาแนวทางที่จะลดค่าใช้จ่ายที่มาจากต้นทุนการผลิตในภาพรวม ควบคู่กับการรักษาและปรับปรุงประสิทธิภาพและเสถียรภาพการผลิตอย่างเหมาะสม
- การบูรณาการการผลิตและการส่งจำหน่ายในภาพรวม (Plant Optimization)
|
3. ความเสี่ยงจากกฎระเบียบการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Climate Regulation and Climate Action Risk) |
ปานกลาง |
พ.ศ. 2573 |
จากการที่นานาชาติรวมถึงประเทศไทยแสดงเจตจำนงแก้ปัญหาการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยประเทศไทยกำหนดการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 40 ภายในปี 2573 จึงเป็นเงื่อนไขที่ส่งผลต่อการดำเนินการผลิตและธุรกิจปัจจุบันของบริษัทฯ ที่จะต้องแสวงหาแนวทางลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายภายใต้การบริหารจัดการการผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีเสถียรภาพและยังจำเป็นต่อการผลิตไฟฟ้าไอน้ำเพื่อสนับสนุนการใช้งานของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการบริหารการเงินและต้นทุนทางการเงินจากนโยบายที่สนับสนุนการลงทุนในธุรกิจที่มาจากเชื้อเพลิงสะอาด ควบคู่กับการรักษาผลประกอบการเพื่อสนองตอบต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสีย |
- มาตรการกีดกันการค้าทางภาษีและค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มในผลิตภัณฑ์ที่มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูงกว่าค่าที่กำหนด ทั้งในส่วนของลูกค้า ซึ่งส่งผลทำให้อาจเกิดการลดปริมาณการรับซื้อผลิตภัณฑ์ และบริษัทฯ ที่ได้รับผลจากการที่ต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น
|
- เร่งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การใช้เชื้อเพลิงพลังงาน การขยายการลงทุนพลังงานทดแทน การพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ในการจัดหาพลังงานสะอาดและใบรับรองการปลดปล่อยพลังงานสะอาด
- ศึกษาพัฒนาเทคโนโลยีการใช้พลังงานรูปแบบใหม่ที่มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ
- ศึกษาการนำเทคโนโลยีในการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
|
4.ความเสี่ยงจากการบริหารการผลิตและการเชื่อมโยงระบบส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้า (Power and Steam Production and Synchronization Risk) |
สูง |
พ.ศ. 2571 |
ปัจจุบัน กฟผ. อยู่ระหว่างปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดระยองและภาคตะวันออกเพื่อแก้ปัญหากําลังไฟฟ้าลัดวงจร (Fault Level) ที่สูงกว่าค่ากำหนด ส่งผลให้ให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าทุกเครื่องของบริษัทฯ ที่เกิดขึ้นใหม่และที่หมดสัญญาผลิตจำหน่ายไฟฟ้าแก่ กฟผ. (SPP Replacement) ไม่ได้รับอนุญาตให้เชื่อมโยงกับระบบส่งไฟฟ้าของ กฟผ. |
- บริษัทฯ มีข้อจำกัดด้านการบริหารการผลิตและการเดินเครื่องในบางช่วงเวลา
- ต้นทุนการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่รายได้คงเดิมตามสัญญาขายผลิตภัณฑ์
|
- วิเคราะห์และประสานการศึกษาทางเทคนิคร่วมกับ กฟผ. ในการแก้ปัญหาการเชื่อมโยง
- บริหารการซ่อมบำรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและจัดจำหน่ายและลดช่วงเวลาการหยุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
- บริหารการเดินเครื่องและการหยุดซ่อมบำรุงควบคู่กับการวางแผนรับซื้อพลังงานร่วมกับลูกค้า
- บริหารประสิทธิภาพการผลิต (Plant Optimization) เพื่อบริหารการผลิตภาพรวม
- วางแผนร่วมกับ กฟผ. ในการจัดหาไฟฟ้าส่วนเพิ่มในช่วงเวลาซ่อมบำรุงเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
|
5. การเปลี่ยนแปลงนวัตรกรรมเทคโนโลยี (Disruptive Technology Risk) |
สูง |
พ.ศ. 2570 |
ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคพลังงานของลูกค้าและผู้บริโภค การเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน (Energy Transition) ที่ได้รับอิทธิพลจากกระแสการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainability) และผลกระทบจากกฎหมายกฎระเบียบด้านการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้บริษัทฯ เผชิญต่อความเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการดำเนินธุรกิจอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ กับคู่แข่งรายอื่นๆ ในตลาดพลังงาน |
- ลดความสามารถในการแข่งขันหากบริษัทฯ ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้
- สูญเสียชื่อเสียงของบริษัทฯ ความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสีย
- สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ ส่วนแบ่งการตลาด และรายได้
|
- เข้าลงทุนพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหม่ (New S-Curve)เพื่อรองรับต่อการขยายธุรกิจในระยะยาวทั้งด้านธุรกิจแบตเตอรี่ การกักเก็บพลังงานและธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ
- พัฒนารูปแบบการบูรณาการการบริหารจัดการการใช้พลังงาน (Energy Management System: EMS) เพื่อตอบสนองต่อรูปแบบการบริหารประสิทธิภาพการใช้พลังงานทั้งในลักษณะ Micro Grid / Smart Grid และสามารถบูรณาการกับธุรกิจในปัจจุบันของบริษัทฯ ได้
- วางแผนปรับตัวเพื่อรองรับต่อตลาดการซื้อขายไฟฟ้ารูปแบบใหม่ (Energy Trade)และพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าพลังงานใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับพฤติกรรมใหม่ของผู้ใช้พร้อมลดผลกระทบต่อการดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในปัจจุบันและอนาคตอย่างต่อเนื่อง
- ศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีด้านการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture Utilization and Storage: CCUS) และธุรกิจรูปแบบใหม่ เช่น ไฮโดรเจน SMR เพื่อเตรียมความพร้อมปรับตัวที่จะรองรับต่อข้อจำกัด/อุปสรรคการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งยังสามารถสร้างเป็นโอกาสการดำเนินธุรกิจทางเลือกใหม่ของบริษัทฯ ในอนาคตเพื่อการเติบโตในระยะยาว
|